จากหญิงสาวผู้เคยตกเป็นเหยื่อความรุนแรง สู่การเป็นนักสู้เพื่อผู้หญิงในสังคม สำหรับ “อารีวรรณ จตุทอง หรือ อ้วน” แม้ในอดีตที่ผ่านมา คุณอ้วนจะเคยถูกละเมิดสิทธิจากบุคคลในครอบครัว แต่วันนี้คุณอ้วนได้เปลี่ยนวิกฤติชีวิต เป็นพลังในการช่วยเหลือสตรีที่ถูกละเมิดสิทธิในสังคม
คุณอ้วน พูดถึงแรงจูงใจในการทำงานด้านกฎหมายเพื่อสิทธิของสตรีว่า “เริ่มจากที่ตนเองได้รับผลจากการละเมิดสิทธิจนต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ปกป้องสิทธิของตนเอง ทำให้ค้นพบว่าการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของผู้หญิงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก โดยเฉพาะการการต่อสู้กับทัศนคติของสังคมที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราถูกกดทับจากสถานการณ์ภายนอก ทำให้ย้อนคิดกลับว่า ขนาดตนเองยังโดนขนาดนี้ เราต้องเหนื่อยหนักในการต่อสู้ ทำให้เวลาเราเจอคนที่มีปัญหาเช่นเดียวกับเรา ทำให้เห็นภาพสะท้อนจิตใจว่าคนเหล่านั้นต้องเจอปัญหาลำบากอย่างไรบ้าง คงเหนื่อยยาก อย่างน้อยก็ต้องการเพื่อน กว่าเราจะผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาได้ พอเรามีความรู้ที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้ ก็อยากจะทำ”
นอกจากการช่วยเหลือด้านกฎหมายแล้ว คุณอ้วนบอกว่าการช่วยเหลือด้านจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน “การให้มุมมอง ความคิดเพื่อแก้ไขปัญหาที่เผชิญหน้าอยู่ได้ เพราะตนเองมีโอกาสที่โชคดีกว่าคนอื่น เมื่อก่อนนี้ทำงานเป็นสื่อสารมวลชน เป็นคอลัมน์นิสต์ทำให้เรามีโอกาสในการเผยแพร่ข้อมูล ตลอดจนวิธีคิดของเราไปสู่คนอื่นๆ แม้เราจะไม่รู้จักเขาเลยก็ตาม แต่ก็ได้รับการตอบสนองโดยการติดต่อกลับมา ขอให้เราช่วยเหลือ ประสานหาแนวทางความช่วยเหลือโดยทันที เราช่วยเหลือคนอื่น เขารู้สึกดี เราก็รู้สึกดี มีกำลังใจมากขึ้น”
ตัวอย่างหนึ่งที่คุณอ้วนเคยช่วยเหลือ และสร้างความภูมิใจให้กับคุณอ้วน แม้ว่าจะผ่านมาแล้วกว่าสิบปี ภาพนั้นยังเป็นที่น่าจดจำมาถึงทุกวันนี้ หญิงพิการที่มีปัญหา ถูกรังแกด้วยคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เพราะถูกกดันจากสามีที่กล่าวหาว่าเธอไม่ได้ทำงาน เดินไม่ได้ ต้องใช้รถเข็น คุณอ้วนพยายามช่วยเหลือโดยการแนะนำอาชีพเสริมสร้างรายได้ช่วยเหลือครอบครัว ทั้งยังนำข้อมูลของผลิตภัณฑ์ที่เขาทำขาย ประชาสัมพันธ์ผ่านคอลัมน์ของคุณอ้วนเอง ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น มีคนช่วยเหลือมากขึ้น จากเดิมที่เขารู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ ก็ทำให้ชีวิต มีคุณค่า มีรายได้ สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้”
เพราะคุณอ้วนเชื่อเสมอว่า ปัจจุบันเป็นปัจจัยในการเกิดขึ้นของอนาคต และเป็นผลจากการกระทำในอดีต เพราะฉะนั้นการทำในปัจจุบันให้ดีที่สุด พอเราผ่านชีวิตมาเยอะแล้ว ทำให้รู้ว่าความสุขในชีวิตไม่ได้ถูกกำหนดด้วยเงินทองและชื่อเสียงโด่งดัง แต่อยู่ที่ว่าเราใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและสามารถแบ่งปันสิ่งดีๆ ความคิดดีๆให้กับคนอื่น ให้เขาสามารถแก้ไข ผ่านพ้น ปัญหาหรือความทุกข์ที่เข้ามาในชีวิตเขาได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้คุณอ้วนมีพลัง และกำลังใจที่จะทำงานช่วยเหลือสังคมต่อไป
สิ่งที่คุณอ้วนอยากเห็นในการทำงานด้านการพัฒนาสังคม คือ อยากเห็นคนทำงานที่มีความสุข มีความเป็นพี่น้องและเอื้ออาทรกัน แบ่งปันกัน ไม่คิดว่างานที่ตนเองทำเป็นงานของตนเองเท่านั้น ให้คิดว่าเป็นงานของส่วนรวมช่วยเหลือกันทำงาน “เราช่วยเพื่อน เพื่อนก็ช่วยเรา เพราะเรามองเป้าหมายการทำงานนั้นๆว่าเกิดประโยชน์ต่อสังคม ไม่ใช่เพียงทำเพราะเป็นหน้าที่ หน้างานส่วนตัวเท่านั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่จำเป็นคือความสุขของคนทำงาน และมีเป้าหมาย วิธีคิดแบบเดียวกัน กลไกภาครัฐและภาคเอกชนที่เอื้ออำนวยให้เกิดการทำงานเพื่อตอบโจทย์ที่สังคมอย่างไร และที่สำคัญมีงบประมาณในการสนับสนุนการดำเนินงาน เพราะการทำงานเราใช้ใจอย่างเดียวก็ได้ในระดับหนึ่ง แต่ในสังคมมีปัญหาที่หลากหลายและมีความต้องการงบประมาณที่จะแก้ไขปัญหาที่เฉพาะเรื่องนั้นไป เพื่อช่วยให้กลุ่มคนที่มีปัญหาสามารถลุกขึ้นยืนในสังคมได้”
“ในอนาคต หากจะมีกองทุนภาคประชาสังคมจริง และสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศได้จริง ควรมีโครงสร้างการทำงานที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย สามารถสนับสนุนการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในสังคมได้ ตลอดจนครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายที่มีปัญหา เพื่อให้กลุ่มคนที่ประสบปัญหามีที่ยืนในสังคมมากขึ้น”