กองทุนภาคประชาสังคม

ครูเจี๊ยบครูอาสา เทพธิดาเด็กเร่ร่อน

“ครูอาสาสอนเด็กเร่ร่อน คือครูที่สอนหนังสือให้กับเด็กเร่ร่อนไร้ที่อยู่ เพื่อให้เด็กเร่ร่อนที่ถูกสังคมมองว่า ไร้ค่า ได้มีความหวัง มีกำลังใจ สร้างโอกาส สร้างอนาคตให้กับตนเอง  นั่นก็หมายความว่า ครูอาสาฯ จะต้องเสียสละแรงกายแรงใจ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการประคับประคอง ดูแลจิตใจ ให้ความรักความอบอุ่น”

ไม่ว่าจะผ่านวันครูไปกี่ปี..."ครูเจี๊ยบ" หรือ ครูวรัทยา จันทรัตน์ สังกัดเทศบาลนครนครราชสีมา ก็ยังคงเป็นครูอาสาสอนเด็กเร่ร่อนอย่างมุ่งมั่นไม่เสื่อมคลาย 5 ปีที่แล้ว ครูเจี๊ยบเป็นหนึ่งในครูอาสาสอนเด็กเร่ร่อน ที่เข้ามาให้การช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนในรูปแบบต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการให้การศึกษาเพียงอย่างเดียว หลายครั้งเธอ ยังมีโอกาสช่วยให้เด็กได้หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะขบวนการค้ามนุษย์...แก๊งขอทาน รวมไปถึงไม่ให้เด็กก้าวพลาดเข้าไปในวังวนยาเสพติด

ครูเจี๊ยบ บอกว่า ครูอาสาสอนเด็กเร่ร่อน คือครูที่สอนหนังสือให้กับเด็กเร่ร่อนไร้ที่อยู่ เพื่อให้เด็กเร่ร่อนที่ถูกสังคมมองว่า ไร้ค่า ได้มีความหวัง มีกำลังใจ สร้างโอกาส สร้างอนาคตให้กับตนเอง  นั่นก็หมายความว่า ครูอาสาฯ จะต้องเสียสละแรงกายแรงใจ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการประคับประคอง ดูแลจิตใจ ให้ความรักความอบอุ่น

“เด็กเร่ร่อนเป็นเด็กที่อยู่ชายขอบของสังคม" ครูเจี๊ยบ ว่า "พวกเขาเหล่านั้น ขาดโอกาสในด้านต่างๆ ขาดปัจจัยสี่ในการดำเนินชีวิต มีปัญหาจากความรุนแรงในครอบครัว ถูกใช้แรงงาน ครอบครัวยากจนอย่างมาก"

ย้อน อดีตไปก่อนหน้านี้ ครูเจี๊ยบทำงานด้านวิชาการ แล้วลาออกมาเรียนต่อปริญญาโท แต่พอได้ฟังจากวิทยุว่าเทศบาลรับสมัครครูอาสาสอนเด็กเร่ร่อน ก็สนใจ เหตุผลสำคัญ ครูเจี๊ยบ บอกว่า อยากช่วยเหลือให้เด็กเหล่านี้มีการศึกษา จะได้มีงานทำ หาเลี้ยงชีพได้  "เมื่อมีความรู้ มีงานทำ ก็มีเงิน...ไม่เป็นภาระของสังคม"

นอกจาก การสอนหนังสือให้เด็กอ่านออกเขียนได้แล้ว ครูเจี๊ยบของเด็กๆ ยังสอนทักษะชีวิต อาทิ ความเป็นผู้นำ มีความรับผิดชอบ ไม่ทอดทิ้งครอบครัว รวมทั้งสอนเรื่องการดูแลสุขภาพอนามัยส่วนตัวให้เด็กอีกด้วย "เด็กเหล่านี้ จะไม่ค่อยดูแลตนเอง เนื้อตัวดูมอมแมม เล็บยาว ผมยาว เสื้อผ้าสกปรก ทำให้ไม่กล้าเข้าใกล้"

สำคัญที่สุด...การสอนเรื่องทักษะการเอาตัวรอด  "เด็กกลุ่มนี้มีความเสี่ยง ทั้งในเรื่องยาเสพติด แก๊งขอทาน แก๊งค้ามนุษย์ ก็จะสอนให้รู้เท่าทัน...ห่างไกลจากสิ่งไม่ดี"

นอกจาก นี้แล้ว ในฐานะเป็นครูยังสนับสนุน ผลักดันให้เด็กมีโอกาสเข้าไปเรียนในโรงเรียนเหมือนกับเด็กอื่นๆ...ส่งเสริม อาชีพ เพื่อให้นำไปประกอบวิชาชีพในอนาคต "เด็กเร่ร่อนได้รับโอกาสเข้าไปศึกษาในโรงเรียน เด็กเหล่านี้จะตั้งใจเรียนมาก แม้บางคนต้องทำงานไปด้วย...

บางคนแม่ให้ไปขอทานเพื่อเลี้ยงครอบครัว ทำให้ต้องขาดเรียนบ้าง แต่ก็หาทางช่วยเหลือ ให้ได้ทำงานและเรียนไปด้วย เพื่อให้เด็กได้เรียน" ผ่านมาถึงวันนี้สิ่งที่ครูเจี๊ยบภูมิใจในตัวลูกศิษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเด็ก เร่ร่อน ไม่ต่างกับได้เห็นสวนดอกไม้หลากสีสันที่ผลิดอกแข่งขันประชันความสวย เพราะได้เห็นเด็กๆในความดูแลเป็นคนดี รู้จักเสียสละ ช่วยเหลือกัน รู้จักแบ่งปันผู้อื่น  "นอกจากเขาจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว เขายังรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ไม่มองว่าตัวเองไร้ค่า นี่แหละคือผลสำเร็จที่ตั้งใจว่า...อยากให้เขามีความภาคภูมิใจในตัวเอง"

ครู เจี๊ยบ บอกอีกว่า การทำงานของครูอาสาสอนเด็กเร่ร่อน นอกจากจะสอนหนังสือแล้ว ยังมีหน้าที่ประสานทางราชการช่วยเหลือให้เด็กมีสถานะบุคคล

"เด็ก เร่ร่อนส่วนใหญ่ไม่มีใบเกิด ก็ต้องสืบค้น ถ้าเด็กพอจะรู้บ้างว่ามีญาติอยู่ที่ไหนบ้าง ก็จะค้นข้อมูล สืบหา บางคนสืบค้นไปจนพบกับครอบครัว เด็กก็สามารถคืนสู่ครอบครัวได้"

หลาย คนอาจจะไม่รู้ว่า...การที่เด็กมีใบเกิดหรือมีบัตรประชาชนเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการมีเลข 13 หลัก จะทำให้เขาเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆได้ ทั้งเรื่องการศึกษา การรักษาพยาบาลยามเจ็บไข้ได้ป่วย

แม้ว่า ขั้นตอนการทำงาน การสืบค้นข้อมูลจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก ...ใช้เวลานาน แต่เมื่อได้เห็นเด็กได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานเหมือนคนอื่น หรือเด็กบางคนได้พบญาติพี่น้อง กลับคืนสู่ครอบครัว ไม่ต้องเร่ร่อนอีกต่อไป ก็เป็นความสุขที่มันอิ่มล้นอยู่ในใจ

ทว่า...การทำงานของครูเจี๊ยบ ที่ได้ชื่อว่าเป็นครูอาสาสอนเด็กเร่ร่อน ใช่ว่าจะราบรื่นโรยด้วยกลีบกุหลาบ บางปัญหาก็แก้ยาก...โดยเฉพาะความไม่เข้าใจของคนในสังคม

"โรงเรียนบางแห่งเมื่อนำเด็กเร่ร่อนไปเข้าโรงเรียน ก็จะถูกมองว่า ครูอาสาฯ นำปัญหาไปให้...เพราะยังมองว่าเด็กเหล่านี้เป็นเด็กไม่ดี บางคนมองเด็กด้วยความรังเกียจ ซึ่งเป็นเรื่องของความไม่เข้าใจ จึงอยากให้สังคมให้โอกาสเด็กเร่ร่อนเหล่านี้”

ครู เจี๊ยบ ย้ำว่า หากพวกเขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี การทำหน้าที่ของครูอาสาจะสามารถช่วยลดปัญหาสังคมลงได้ส่วนหนึ่ง ถ้าเป็นไปได้ อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น การสนับสนุนครูอาสาฯ ให้มีศูนย์เรียนรู้ของเด็กเร่ร่อนในทุกแห่ง เพื่อให้เด็กเร่ร่อนได้มีโอกาสมาเรียนอย่างต่อเนื่อง และที่ขาดไม่ได้คือ...การสนับสนุนด้านงบประมาณ

“ทั้งๆที่งานเหล่านี้มีส่วนช่วยในการลดปัญหาของสังคม ทำให้กลุ่มคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง...เป็นคนที่มีคุณภาพขึ้นมาได้ แต่ปัจจุบันเทศบาลแต่ละแห่ง ตั้งงบประมาณในส่วนนี้ไว้น้อยเหลือเกิน" ครูเจี๊ยบ ทิ้งท้าย

อีกหนึ่งพลังพลเมือง ที่หยิบยื่นโอกาสให้กับสังคม ร่วมสนับสนุน “กองทุนส่งเสริมการพัฒนาภาคประชาสังคม” เพื่อให้ พลังพลเมืองเล็กๆ แต่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่  มีมากขึ้นในสังคม

 

"กองทุนภาคประชาสังคม เป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิรูปสังคมเพื่อสร้างพลังพลเมือง"

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก:http://www.qlf.or.th

Tag


powered by CIVIL SOCIETY EMPOWERMENT INSTITUTE