ในปี ค.ศ.1950 ดร. บ๊อบ เพี๊ยส (Dr. Bob Pierce) ผู้นำคริสตศาสนิกชนและนักข่าวชาวอเมริกัน ได้เดินทางเข้าไปในประเทศเกาหลี และพบเห็นความทุกข์ยากของประชาชน หญิงม่าย และเด็กกำพร้าจำนวนมากจากภัยสงครามในประเทศในขณะนั้น จึงมีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ โดยการก่อตั้งมูลนิธิศุภนิมิต (World Vision International Organization) และขยายเครือข่ายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย (World Vision Foundation of Thailand : WVFT) เริ่มดำเนินการในปี ค.ศ. 1972 ด้วยการตั้งศูนย์อุปการะเด็กกำพร้าที่จังหวัดอุดรธานี ต่อมาได้ขยายขอบเขตความช่วยเหลือไปยังจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ในปี ค.ศ.1974 มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยจดทะเบียนเป็นมูลนิธิเพื่อสาธารณกุศลอย่างเป็นทางการ โดยมุ่งเน้นงานด้านการอุปการะเด็กและการบรรเทาทุกข์ต่างๆ เป็นหลัก
ในปี ค.ศ. 1980 ประเทศไทยต้องรับภาระหนักเกี่ยวกับปัญหาผู้ลี้ภัยชาวอินโดจีนที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อแบ่งเบาภาระของประเทศชาติ มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้เปลี่ยนแนวทางการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นภารกิจในการให้ความช่วยเหลือด้านความเป็นอยู่และสุขภาพอนามัย ในศูนย์อพยพของจังหวัดต่างๆ เมื่อปัญหาเรื่องผู้อพยพคลี่คลายลงในช่วง ค.ศ. 1983 มูลนิธิฯ จึงหันมามุ่งเน้นงานด้านการอุปการะเด็กและการพัฒนาชุมชนอย่างจริงจัง และได้ขยายงานไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ในเวลานั้น มูลนิธิศุภนิมิตฯ ดำเนินโครงการต่างๆ ใน 34 จังหวัด ทั่วประเทศ
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้เปลี่ยนแนวทางการพัฒนาชุมชน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาชุมชนเป็นพื้นที่แบบพึ่งตนเองและยั่งยืน (Area Development Programs: ADPs) และในปี ค.ศ. 1993 มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้เชิญชวนมวลชนชาวไทยให้เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาสังคมในลักษณะผู้อุปการะคนไทยช่วยเหลือคนไทยยากไร้ในสังคม เรียกกันโดยทั่วไปว่า โครงการอุปการะเด็กในประเทศไทย (Local Sponsorship Project) ซึ่งมุ่งเน้นการช่วยเหลือพัฒนาไปที่เด็ก ครอบครัว และชุมชน ภายใต้คำขวัญว่า “เด็ก ครอบครัว อยู่ดีมีสุข” (Child & Family Well-Being)
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1999 มูลนิธิศุภนิมิตฯ ก็ยังคงดำเนินพันธกิจในการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างครบบริบูรณ์ และให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั้งหลายอย่างไม่หยุดยั้ง มูลนิธิศุภนิมิตฯ ยังคงมุ่งเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางการพัฒนา รวมทั้งการพัฒนาชุมชนเป็นพื้นที่แบบพึ่งตนเองและยั่งยืน และดำเนินพันธกิจโดยมีองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิต ในขณะเดียวกัน ก็มุ่งเน้นโครงการเกี่ยวกับการเสริมสร้างศักยภาพความเข้มแข็งแก่ชุมชนด้วยการเสริมสร้างรายได้แก่ชุมชนในลักษณะธุรกิจชุมชนขนาดย่อม เนื่องจากพันธกิจการพัฒนาเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตเป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและต้องใช้เวลา ความพากเพียรพยายาม การทุ่มเท และความอดทน ดังนั้นการดำเนินพันธกิจของมูลนิธิศุภนิมิตฯ จึงเป็นแบบบูรณาการ เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กๆ จะสามารถเข้าถึงการศึกษาที่ดี มีคุณภาพ ได้รับการปกป้องคุ้มครอง และได้รับบริการด้านสุขภาพอนามัยพื้นฐานอย่างเพียงพอ รวมถึงทำงานเคียงคู่ไปกับครอบครัว และชุมชนของพวกเขาเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร และช่วยให้เด็ก ครอบครัว และชุมชน มีความเป็นอยู่ที่ดีและพึ่งตนเองได้
กว่า 40 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้มุ่งเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา มีชุมชนเป็นฐานการพัฒนา และดำเนินพันธกิจโดยมีองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิต ในขณะเดียวกัน ก็มุ่งการเสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งแก่ชุมชนด้วยการสนับสนุนพันธกิจการสร้างงาน และเสริมสร้างรายได้แก่ชุมชนในลักษณะธุรกิจชุมชนขนาดย่อมด้วย ผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน มีเป็นจำนวนมาก อาทิ โครงการอุปการะเด็ก, โครงการพัฒนาชุมชนเป็นพื้นที่แบบพึ่งตนเองและยั่งยืน, การบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน (Emergency Relief ) และกิจกรรมศุภนิมิตแฟมมิน 24 ชั่วโมง
โครงการข้างต้น รวมถึงอีกหลายๆ กิจกรรมขององค์กรจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ทำให้ผู้ประสบภัยพิบัติ สามารถรอดชีวิตและดำรงชีวิตต่อไปได้ ทำให้เด็กมีการศึกษา ไม่เป็นภาระของสังคม มีสุขภาพดี สร้างอาชีพให้กับคนยากจน ลดปัญหาการว่างงาน ลดปัญหาอบายมุข ลดปัญหายาเสพติด ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำให้ประเทศเกิดความเจริญก้าวหน้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย www.worldvision.or.th, Thailand NGO Awards 2011
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก : www.worldvision.or.th